ถ้าพูดถึงไฟต์ติ้งดราก้อนบอลที่ “มันเหมือนในอนิเมะจริง ๆ” ชื่อที่แฟนรุ่นเก๋านึกถึงกันทันทีคือซีรีส์ Budokai Tenkaichi และตอนนี้ Dragon Ball: Sparking! ZERO ก็คือภาคสานต่ออย่างเป็นทางการในยุคใหม่ ใช้ Unreal Engine 5 ภาพอลังการระดับระเบิดดาวได้แบบไม่เกรงใจการ์ดจอ พร้อมระบบต่อสู้ 3D ที่ให้เราบินไล่ตื้บกันเต็มแมพแบบที่คิดถึงกันอยู่แล้ว

เกมนี้พัฒนาโดย Spike Chunsoft และจัดจำหน่ายโดย Bandai Namco Entertainment วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 11 ตุลาคม 2024 บน PC, PlayStation 5 และ Xbox Series X|S ก่อนจะตามด้วยเวอร์ชัน Nintendo Switch และ Switch 2 ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2025 ทำให้ตอนนี้แทบทุกแพลตฟอร์มหลักสามารถอุ้มกองกำลังนักสู้ดราก้อนบอลขึ้นมาหวดกันได้หมดแล้ว
รีวิวรวมจากหลายเจ้าออกมาค่อนข้างดี ทั้ง Metacritic ที่จัดอยู่ในระดับ “รีวิวเชิงบวกโดยรวม” และบน Steam เองที่เปอร์เซ็นต์รีวิวบวกเกิน 80% อยู่พักใหญ่ ๆ แฟนดราก้อนบอลส่วนใหญ่ชอบระบบไฟต์ติ้งที่ทั้งเร็ว ดุดัน และภาพโคตรสวย ถึงจะมีดราม่าเรื่องสมดุลบ้างตามประสาเกมไฟต์ติ้งก็ตามที
ใครเป็นสายดูบอล–ดูมวย–ดูกีฬาอยู่แล้ว เกมนี้คืออีกทางระบายพลังงาน จะเนียน ๆ เปลี่ยนจากเชียร์บอลคืนนึง (ไปลุ้นกับเพื่อนในเว็บสายกีฬาอย่าง ยูฟ่าเบท แป๊บเดียว) แล้ววันถัดมาเปิด Dragon Ball: Sparking! ZERO มาต่อสู้บนดาวนาเม็กแทน ก็ยังเป็นไลฟ์สไตล์สายลุ้นที่เท่ไม่เบา
Dragon Ball: Sparking! ZERO คือภาคต่อสาย Budokai Tenkaichi แท้ ๆ
หลายคนอาจงงว่าภาคนี้ต่างจากเกมดราก้อนบอลภาคอื่นยังไง เพราะพักหลัง ๆ มีทั้ง FighterZ, Kakarot, Xenoverse ฯลฯ เต็มไปหมด
จุดต่างหลักคือ
- มันคือ ภาคที่ 4 ของซีรีส์ Budokai Tenkaichi โดยตรง (หรือภาค Sparking! ในชื่อฝั่งญี่ปุ่น) ต่อจาก Budokai Tenkaichi 3 (2007) แบบเป็นทางการ
- ใช้ มุมกล้องบุคคลที่สามด้านหลังตัวละคร (over-the-shoulder) ในสนาม 3D กว้าง ๆ ให้บินไล่กันทั่วฉาก
- เน้นความรู้สึก “ต่อสู้แบบอนิเมะจริง ๆ” ทั้งการบู๊กลางอากาศ พุ่งชนด้วยสปีดที่ตาแทบมองไม่ทัน บีมชนบีม ระเบิดภูเขาล้มดาวแตก ฯลฯ
ด้วยความที่ใช้ Unreal Engine 5 ภาคนี้เลยได้ภาพที่
- เอฟเฟกต์พลังคิอลัง
- พาร์ติเคิลกระจาย
- พื้นดินแตกเป็นหลุม รับแรงหมัด/พลังระเบิด
- โมเดลตัวละครมีทั้งความโค้งมนแบบอนิเมะและรายละเอียดเงา/แสงแบบเกมยุคใหม่
พูดง่าย ๆ คือแฟน Budokai Tenkaichi ยุค PS2 น่าจะรู้สึกเหมือน “เกมเก่าที่เคยเล่น ถูกยกขึ้นมาอีก 2–3 เจน” นั่นเอง
โหมดการเล่นหลัก: Episode Battle, Custom Battle และ Tournament
Bandai Namco เคยเขียน Game Modes Handbook ออกมาอธิบายเองว่าภาคนี้อยากให้เล่นได้ทั้งสายเนื้อเรื่อง สายแต่งแมตช์ และสายออนไลน์จริงจัง โดยมีโหมดหลัก ๆ ดังนี้
Episode Battle – เล่นซ้ำฉากในตำนาน แต่เราคุมเอง
โหมดนี้คือโหมดเนื้อเรื่องหลักที่ให้เรา
- เลือกตัวละครสำคัญ ๆ (เช่น Goku, Vegeta, Gohan, Future Trunks ฯลฯ)
- เล่นผ่าน “เอพิสโอด” ของแต่ละคน ตั้งแต่ซากะหลัก Z, GT, Super ไปจนถึงเนื้อเรื่อง What-if บางส่วน
- แทรกคัตซีน–อีเวนต์ระหว่างการต่อสู้ เช่น ฉากแปลงร่าง, ดราม่าพูดกลางสนาม, ช่วง QTE กดสู้บีม ฯลฯ
บางเอพิสโอดจะมีเงื่อนไขพิเศษ เช่น
- ต้องชนะภายในเวลา X
- ต้องชนะด้วยแอคชันเฉพาะ (เช่น ใช้ท่าพิเศษหนึ่งครั้ง)
- หรือบางทีปล่อยให้แพ้ก็จะเห็นฉากเหตุการณ์อีกแบบ
ฝั่งผู้เล่นบางส่วนชมว่าโหมดนี้ให้ฟีล “เล่นอนิเมะอีกรอบ” ดีมาก แต่ก็มีเสียงบ่นเรื่อง AI บางจุดเก่งจนเกินเหตุ และลำดับเล่าเรื่องที่บางทีข้าม ๆ ซีนไปทำให้คนไม่เคยดูมาก่อนงงเล็กน้อย
Custom Battle – โรงงานแมตช์มโนของสายแฟนเซอร์วิส
อันนี้สุดจัดสำหรับสายชอบออกแบบฉากต่อสู้เอง
- เราสามารถสร้าง “สถานการณ์การต่อสู้” เองได้แทบทุกอย่าง
- เลือกตัวละครทั้งฝั่งเรา–ฝั่งศัตรู
- กำหนด HP, กติกา, เงื่อนไขชนะ แถมใส่ event ระหว่างแมตช์ได้ด้วย เช่น ฉากคุย/ฉากแปลงร่างกลางเกม
- มีโมดย่อย Bonus Battles ที่เป็นแมตช์แบบสถานการณ์พิเศษให้ลองเล่น เป็นเหมือนมินิสคริปต์สนุก ๆ หลายแบบ
ข้อดีคือ
- สนองฝันสาย “ถ้าเอา Goku Daima ตีกับ Broly เวอร์ชันนั้นจะเป็นไง”
- เล่นวนได้เรื่อย ๆ
- แชร์แมตช์กับเพื่อนในคอมมูนิตี้ได้ (บางแพลตฟอร์ม)
สายสร้างคอนเทนต์ Youtube / Tiktok น่าจะชอบโหมดนี้สุด เพราะทำเป็นแมตช์คอนเซ็ปต์ให้คนดูกันสนุกมาก
Tournament / Online Mode – สังเวียนโชว์ของ
จาก Handbook ของ Bandai Namco ยังบอกด้วยว่าเราสามารถ
- จัด Tournament แบบออฟไลน์/ออนไลน์เองได้
- ตั้งสาย Knockout, Battle Royale ฯลฯ
- กำหนดว่าต้องสู้กี่แมตช์ ชนะกี่รอบ ถึงจะเข้ารอบต่อไป
ส่วน Ranked/Online อื่น ๆ ก็เป็นสนามให้เรา
- ทดสอบทีม 3 ตัวละครของตัวเอง
- ฝึกคอมโบ–เดชาคันฉ่องว่าเราเก่งจริงหรือเก่งแค่กับบอท
ระบบออนไลน์มีทั้งเสียงชมและติปนกันไปตามประสาเกมไฟต์ติ้งใหญ่ ๆ แต่ภาพรวมถือว่าเล่นได้โอเค ไม่ได้เละเทะระดับขาดใจ
ระบบต่อสู้: ไฟต์ติ้ง 3D ความลึกสูงกว่าที่ตาเห็น
หลายคนเห็นเทรลเลอร์แล้วอาจคิดว่า “เกมนี้ก็กดสกิลยิงบีมใส่กันไปเรื่อยแหละ” แต่ตามรีวิวหลายสำนัก ต่างบอกว่าจริง ๆ แล้วระบบมัน ลึกกว่าที่คิด พอสมควร
จุดเด่นหลัก ๆ คือ
- ระบบเคลื่อนไหว 3D เต็มพื้นที่
- บินได้รอบฉาก
- พุ่งตัวขึ้น–ลง–ซ้าย–ขวา
- กดดอดจ์/เทเลพอร์ตเพื่อหลบคอมโบหรือบีมศัตรู
- คอมโบพื้นฐาน + คอมโบเจาะเกราะ
- มีทั้งคอมโบนอร์มอล (ตีต่อย) และคอมโบที่ออกท่าเฉพาะแต่ละตัว
- การกดปุ่มไม่ใช่แค่สแปมการโจมตี แต่ต้องรู้ว่าชุดไหนคอมโบต่อได้
- ระบบ Clash / Beam Struggle
- “ใช่เลย นั่นแหละที่เราอยากได้จากเกมดราก้อนบอล”
- เวลาบีมชนบีม หรือหมัดปะทะกันด้วยพลัง จะมีมินิเกมเล็ก ๆ ให้เรากดสู้กัน ให้ฟีลเหมือนตอนลุ้นหน้าจอ TV สมัยเด็ก
- การอ่านระยะ–จังหวะ
- รีวิวหลายเจ้าชมว่าจุดที่เกมนี้สนุกคือ “ตรงที่ต้องอ่านจังหวะเข้า–ออก” มากกว่าแค่ท่องคอมโบ
- ใครมั่วบู๊เข้าใส่ตลอดจะโดน Punish หนัก ๆ ให้จำ
ข้อเสียที่คนพูดถึงคือ
- คอนโทรลเริ่มต้นอาจรู้สึก “ล้นนิ้ว” หน่อย ต้องใช้เวลาให้สมองจำ mapping ปุ่มต่าง ๆ ก่อนถึงจะลื่น
- สำหรับผู้เล่นใหม่ที่ไม่ค่อยเล่นเกมไฟต์ติ้งมาก่อน อาจใช้เวลาซักพักกว่าจะเริ่มรู้สึกว่า “โอเค กุจับจังหวะได้แล้ว”
โรสเตอร์ตัวละคร: จาก 182 ตัว สู่ 200+ และยังไม่จบง่าย ๆ
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้แฟนดราก้อนบอลกรี๊ดคือ จำนวนตัวละครที่เยอะมาก ตามข้อมูลจากเว็บจัดอันดับและสื่อเกม ภาคนี้เปิดตัวมาด้วยโรสเตอร์ประมาณ 182 ตัว/ฟอร์ม แล้วค่อย ๆ เพิ่มผ่าน DLC จนล่าสุดปี 2025 มีรายงานว่ารวมแล้ว ทะลุ 208 ตัว ไปแล้วเรียบร้อย
แบ่งคร่าว ๆ มีทั้ง
- สายหลัก: Goku, Vegeta, Gohan, Piccolo, Trunks, Frieza, Cell, Majin Buu ฯลฯ
- ตัวจาก GT, Super, Heroes และ Daima บางส่วน
- รูปแบบแปลงร่างหลายฟอร์ม (Super Saiyan, Super Saiyan God, Blue, Ultra Instinct ฯลฯ)
- ฟิวชันทั้งแบบ Fusion Dance, Potara รวมไปถึงตัวพิเศษที่โผล่มาจากสื่ออื่นอย่าง Shallot จาก Dragon Ball Legends ที่เข้ามาเป็น DLC ด้วย
แฟน ๆ บางคนแซวมุก “กี่กูคูแล้วเนี่ย” เพราะ GamesRadar ถึงขั้นเขียนบทความนับเล่น ๆ ว่าตกลงตอนนี้มี Goku กี่เวอร์ชันกันแน่ ตั้งแต่ 9 ไปจน 39.375 ตัว (นับแปลกมาก แต่ฮาดี) ยังไงก็ชัดเจนว่าเกมนี้ตั้งใจเป็น “เครื่องรวม Goku และเพื่อน ๆ” อย่างแท้จริง
ข้อดีของโรสเตอร์ใหญ่คือความมันในการลองทีม–ลองแมตช์ไม่รู้จบ ข้อเสียคือ…ใครเล่นใหม่ ๆ เปิดเมนูเลือกตัวละครครั้งแรก อาจจะยืนงงอยู่หน้าจอสัก 10 นาที ว่าจะเริ่มจากใครก่อนดี
แพลตฟอร์ม ราคา และเวอร์ชัน Switch
ตอนนี้ Dragon Ball: Sparking! ZERO มีให้เล่นบนแพลตฟอร์มดังนี้
- PC (Windows) – ผ่าน Steam
- PlayStation 5
- Xbox Series X|S
- Nintendo Switch / Nintendo Switch 2 – วางจำหน่ายตามมาทีหลังในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2025
เวอร์ชันคอนโซลเน้นการเล่นด้วยจอยเต็มรูปแบบ ภาพบน PS5/Xbox จะได้ประโยชน์จากพลังเครื่องชัดเจน ทั้งเฟรมเรตและความละเอียด ส่วนเวอร์ชัน Switch จะลดบางเอฟเฟกต์–ความละเอียดลงบ้าง เพื่อให้เล่นได้ลื่น แต่อยู่ในเกณฑ์ที่แฟนพอใจตามรีวิวส่วนใหญ่
ราคาเต็มโซนดอลลาร์ของ Standard Edition อยู่ในช่วง ฟูลไพรซ์เกมใหญ่ (ประมาณ 60–70 USD) แล้วแต่โซนและเวอร์ชันพิเศษที่มี DLC แถม ซึ่งสอดคล้องกับความใหญ่ของโปรเจกต์และจำนวนคอนเทนต์ที่อัดมาเต็มกล่อง
สเปก PC ที่ควรรู้ก่อนกดซื้อบน Steam
ฝั่ง PC การ์ดจอไม่ได้ต้องเป็นเรือธง แต่ก็ไม่เบาจนเกินไป จากข้อมูลหน้า Steam และเว็บเช็กสเปกหลายแห่ง สเปกต่ำสุดที่แนะนำประมาณนี้
ขั้นต่ำ (เล่น 1080p / Low ให้ลื่น ๆ)
- OS: Windows 10 (64-bit)
- CPU: Intel Core i5-9600K หรือ AMD Ryzen 5 2600
- RAM: 8 GB
- GPU: Nvidia GeForce GTX 980 / AMD Radeon RX 590 / Intel Arc A750 (VRAM 4 GB ขึ้นไป)
- Storage: พื้นที่ว่างราว ๆ 29–30 GB
สเปกแนะนำ (อยากให้ภาพสวย–เฟรมลื่นขึ้น)
- CPU: Intel Core i7 รุ่น 7xxx ขึ้นไป หรือ Ryzen 5 3600X ขึ้นไป
- RAM: 12–16 GB
- GPU: ระดับ GTX 1060–RTX 2060 หรือเทียบเท่า
- ถ้าอยากเล่น 4K/30fps แนะนำ RAM 16 GB + การ์ดจอระดับ RTX 20xx / RX 6650 XT ขึ้นไป
ใครใช้โน้ตบุ๊กเกมมิ่งยุค 2–3 ปีหลัง น่าจะเล่นได้สบาย แค่ลดบางเอฟเฟกต์ลงบ้าง ส่วนใครใช้การ์ดจอรุ่นเก่าเกินไปหน่อย แนะนำเช็กสเปกเทียบดี ๆ ก่อนกดซื้อ
ตารางสรุปข้อมูล Dragon Ball: Sparking! ZERO
| หัวข้อ | รายละเอียด |
|---|---|
| ชื่อเกม | Dragon Ball: Sparking! ZERO |
| ผู้พัฒนา | Spike Chunsoft |
| ผู้จัดจำหน่าย | Bandai Namco Entertainment |
| เอนจิน | Unreal Engine 5 |
| แนวเกม | 3D Fighting (Budokai Tenkaichi-style) |
| วันวางจำหน่าย | 11 ต.ค. 2024 (PC, PS5, Xbox) / 14 พ.ย. 2025 (Switch, Switch 2) |
| แพลตฟอร์ม | PC (Steam), PS5, Xbox Series X |
| โรสเตอร์ | 182 ตัว/ฟอร์มตอนเปิดตัว ขยายเป็น 200+ ตัวผ่าน DLC |
| โหมดเด่น | Episode Battle, Custom Battle, Tournament/Online Modes |
เกมนี้เหมาะกับใคร?
เหมาะมากถ้า…
- คุณคือแฟน Budokai Tenkaichi ที่รอมานานว่าภาคต่อจะมาเมื่อไร
- ชอบเกมไฟต์ติ้ง 3D ที่ บินได้ทั้งฉาก ไม่ใช่ยืนแลกหมัดในสังเวียนแบน ๆ
- หลงรักการ “ยิงบีมชนบีม” และฉากสู้กันจนภูเขาแตก ดาวระเบิดแบบในอนิเมะ
- อินกับการลองทีมแปลก ๆ จากโรสเตอร์นักสู้หลักร้อยตัว
- อยากได้เกมไว้เล่นกับเพื่อนทั้งแบบ Local / Online ที่มีความวุ่นวายและเสียงกรี๊ดปนฮา
อาจไม่ใช่ทาง ถ้า…
- ชอบไฟต์ติ้ง 2D แบบ FighterZ ที่เน้นความเป๊ะของเฟรมและคอมโบแคบ ๆ
- ไม่ชอบการเคลื่อนไหว 3D มุมกล้องพลิกไปมาเยอะ ๆ
- ไม่ค่อยถูกกับระบบที่ต้อง “จำหลายปุ่ม” และยอมฝึกซ้อมสักพักก่อนจะคล่องมือ
สำหรับสายกีฬาที่ชอบทั้งบอลจริงและบอลการ์ตูน ก็ไม่มีอะไรห้ามคุณจากการจัดแพ็กคู่ชีวิต: ตอนหัวค่ำไถมือถือเช็กโปร/ตารางแข่งในเว็บอย่าง สมัคร UFABET แล้วพอถึงเวลาอยากสลับ mood ก็เปิดเครื่องมาหวดแบบ Super Saiyan ใส่กันใน Sparking! ZERO ต่อ ถือเป็นบาลานซ์ชีวิตสายลุ้นที่โคตรกลมกล่อม
Tips เริ่มต้น Dragon Ball: Sparking! ZERO สำหรับสายมือใหม่
ลองเล่น Training + Episode Battle ก่อนโดดลง Ranked
อย่าพุ่งเข้าออนไลน์ตั้งแต่นาทีแรก ไม่งั้นมีสิทธิ์โดนเขาสอนวิชารัว ๆ
- เข้า Training ทำความคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหว 3D, ดอดจ์, พุ่งเข้าประชิด
- เล่น Episode Battle ของตัวละครที่เราชอบ เพื่อเรียนรู้สกิล–จังหวะของตัวนั้นผ่านสถานการณ์จริง
เลือก “เมนตัวหลัก” สัก 2–3 ตัวก่อน
เพราะตัวละครมีเยอะมาก ถ้าพยายามจำทุกคนพร้อมกันอาจมึน
- เลือก 1 ตัวสายบาลานซ์ (เช่น Goku / Vegeta)
- 1 ตัวสายแทงค์/หนัก
- 1 ตัวสายสปีด/เข้าเร็ว
แล้วฝึกเซ็ตทีมพื้นฐานจากสามตัวนี้ก่อน
ฝึกใช้การดอดจ์–เทเลพอร์ตให้เป็นนิสัย
ผู้เล่นใหม่มักจะเน้นรัวคอมโบจนลืมการป้องกัน
- ฝึกกดดอดจ์หลบบีม
- ฝึกเทเลพอร์ตไปด้านข้างหรือด้านหลังคู่ต่อสู้ในจังหวะที่เขาตีพลาด
- สิ่งนี้จะทำให้คุณชนะคนที่ “บู๊อย่างเดียว” ได้แบบรู้สึกเท่มาก
อย่าลืมว่าฉากก็เป็นอาวุธ
บางฉากสามารถ
- ใช้ภูเขาบังบีม
- ใช้ความต่างระดับสร้างจังหวะโถมจากด้านบน
- หรือบางทีตั้งใจ “โยน” ศัตรูไปอีกมุมเพื่อบีบพื้นที่ว่างให้เขาหนีลำบาก
ดูคอมมูนิตี้–ไกด์–เทียร์ลิสต์บ้าง แต่ไม่ต้องท่องตาม 100%
มีเทียร์ลิสต์จากหลายเว็บที่จัดอันดับตัวละครตั้งแต่ S-Tier ลงไป เช่น TheGamer, ProGameGuides ฯลฯ แต่สุดท้าย
ตัวที่คุณเล่นแล้วถนัด + สนุก = ตัวที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
ใช้เทียร์ลิสต์เป็นไกด์เบื้องต้น แต่ลองเองให้ครบแล้วค่อยเลือกเมนจริงจังจะดีที่สุด
FAQ – คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Dragon Ball: Sparking! ZERO
Q: Dragon Ball: Sparking! ZERO มีเนื้อเรื่องหลักไหม หรือเป็นเกมไฟต์อย่างเดียว?
มีครับ โหมด Episode Battle คือโหมดเนื้อเรื่องที่ให้เราเล่นเหตุการณ์สำคัญจากหลายซากะของดราก้อนบอล ผ่านสายตาของตัวละครหลักหลายตัว พร้อมคัตซีนและเงื่อนไขพิเศษในแต่ละเอพิสโอด ถือว่าเป็นโหมด “เล่นอนิเมะอีกรอบ” ที่ครบดีทีเดียว
Q: มีโหมดเล่นคนเดียวเยอะพอไหม ถ้าไม่อยากเล่นออนไลน์?
มีครับ นอกจาก Episode Battle ยังมี Custom Battle, Bonus Battles และ Tournament ที่เล่นคนเดียวได้สบาย ๆ เพียงพอสำหรับคนที่อยากเล่น Single-player เป็นหลัก แล้วค่อยคิดเรื่องออนไลน์ทีหลัง
Q: โรสเตอร์ตอนนี้มีกี่ตัว และ DLC ยังจะมาอีกไหม?
ตอนเปิดตัวมีราว ๆ 182 ตัว/ฟอร์ม และหลังจากนั้น DLC ต่าง ๆ ทำให้โรสเตอร์ทะลุ 208 ตัวไปแล้วในปี 2025 แถม Bandai Namco ยังประกาศอีกว่า “ยังไม่จบ” และมี DLC เซ็ตถัดไปอยู่ในแผนช่วงต้นปี 2026 ด้วย แฟน ๆ ยังรอลุ้นตัวละครใหม่ (และ Goku เวอร์ชันใหม่ ๆ) กันต่อได้เลย
Q: ระบบออนไลน์โอเคไหม มีปัญหาแลคหรือดีเลย์มากหรือเปล่า?
ภาพรวมถือว่า “ใช้งานได้” ในมาตรฐานเกมไฟต์ติ้ง 3D ขนาดใหญ่ แม้จะมีบางช่วงที่ผู้เล่นบ่นเรื่อง latency และ matchmaking บ้างเป็นช่วง ๆ ขึ้นกับโซน/เซิร์ฟเวอร์ แต่ไม่ได้ถึงขั้นพังเละเล่นไม่ได้ ส่วนตัวแนะนำให้เล่นในช่วงเวลาที่คนโซนเราออนไลน์เยอะ ๆ จะหาห้องง่ายและเสถียรกว่า
Q: เล่นบนคอนโทรลเลอร์ดีกว่าคีย์บอร์ดไหม?
สำหรับเกมนี้ แนะนำจอยจะสบายกว่ามาก เพราะการเคลื่อนไหว 3D + ปุ่มท่าพิเศษหลายปุ่ม ทำให้การจับจอยสไตล์คอนโซลตอบโจทย์สุด ใครบน PC ก็หา Xbox/PS Controller มาต่อใช้ได้เลย
Q: ภาคนี้มีเนื้อหา GT / Super / Daima แค่ไหน?
ตามข้อมูลโรสเตอร์และโหมด Episode/Custom Battle เกมรวบเอาตัวละครและสถานการณ์จากหลากหลายซีรีส์ ตั้งแต่ Z, GT, Super ไปจนถึงเนื้อหาใหม่ ๆ อย่าง Daima บางส่วน และยังมี DLC เพิ่มเติมที่เน้นชุดตัวละครพิเศษในแต่ละธีมออกมาเรื่อย ๆ ด้วย
Q: ถ้าไม่เคยเล่น Budokai Tenkaichi มาก่อน จะงงไหม?
แรก ๆ อาจงงนิดหน่อยเพราะระบบเยอะและมุมกล้อง 3D เคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่ถ้าผ่าน Training กับ Episode Battle ไปสักพัก ส่วนใหญ่จะเริ่ม “คลิก” ว่าต้องเคลื่อนที่–ดอดจ์–สวนยังไง และหลังจากนั้นความสนุกจะพุ่งขึ้นแบบรู้สึกได้ชัด
สรุป: Dragon Ball: Sparking! ZERO คือจดหมายรักถึงแฟน Budokai Tenkaichi ยุคใหม่
สุดท้ายแล้ว Dragon Ball: Sparking! ZERO คือเกมที่ส่งสารมาชัดมากว่า
“ถ้าคุณคิดถึงความรู้สึกตอนสมัย PS2 ที่ปุ่มแทบพังเพราะไล่ยิงบีม–พุ่งชนกลางอากาศ เราเอาความรู้สึกนั้นกลับมาคูณสิบให้แล้วนะ”
มันอาจไม่ใช่ไฟต์ติ้งที่บาลานซ์เนี้ยบแบบเกมอีสปอร์ตสายแข่งจ๋า ๆ แต่ในฐานะ เกมแฟนเซอร์วิสระดับใหญ่ที่ให้เราเล่นสนุกกับจักรวาลดราก้อนบอล ภาคนี้ทำการบ้านมาดีมาก ทั้งภาพ เสียง ระบบต่อสู้ และโรสเตอร์ที่บวมแบบหวานใจแฟนทั่วโลก
สำหรับเกมเมอร์ไทยที่ชอบทั้งความมันส์ของเกมไฟต์ติ้งและความลุ้นของโลกกีฬา–การเดิมพัน Dragon Ball: Sparking! ZERO ก็เป็นเหมือนอีกสนามหนึ่งที่เราเอาอินเนอร์เดียวกันมาใช้ได้เต็มที่ — กลางวันเปิดเครื่องไปตะโกน “คาเมฮาเมฮ่า!” ใส่เพื่อนในโหมด Versus กลางคืนก็สลับไปลุ้นแมตช์จริงหรือเช็กโปรต่าง ๆ ผ่าน ทางเข้า UFABET ล่าสุด ก่อนจะกลับมาเปิดเกมแล้วถามตัวเองอีกรอบว่า
“ถ้าต้องเลือกนักสู้สามคนลงทีมวันนี้ ในจักรวาลที่มี Goku นับไม่ถ้วน เราจะเลือกใครดี?”
ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นทีมสายเมต้า หรือทีมสายกาวสุดหัวใจ Dragon Ball: Sparking! ZERO ก็พร้อมให้คุณลองทุกคอมโบ ทุกแมตช์ และทุกจินตนาการบนสังเวียนที่ระเบิดดาวได้เสมอ